Home » ผู้หญิงอ้วนควรเริ่มต้นออกกำลังกายแบบไหนดี

ผู้หญิงอ้วนควรเริ่มต้นออกกำลังกายแบบไหนดี

by blogadmin
95 views
1.ผู้หญิงอ้วนควรเริ่มต้นออกกำลังกายแบบไหนดี

ผู้หญิงอ้วนควรเริ่มต้นออกกำลังกายแบบไหนดี จึงจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

อ้วน! เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณไขมันมากเกินกว่าที่จะเผาผลาญออกไป ทำให้คนที่เป็นโรคอ้วนใช้ชีวิตประจำวันลำบากขึ้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน

เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันเลือด รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ด้วย แล้วแบบไหนที่เรียกว่าอ้วนล่ะ สามารถวัดได้จากค่าดัชนีมวลกายหรือ BMI มากกว่า 30 จะเรียกว่าภาวะอ้วน แต่หากเป็นกลุ่มที่มี BMI มากกว่า 25 เป็นกลุ่มน้ำหนักเกิน ก็ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

การออกกําลังกายสําหรับคนอ้วน

คือ การออกกําลังกายแบบแอโรบิก เป็นการออกกําลังกายที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สามารถเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น และควรหาชุดออกกำลังผู้หญิงให้เหมาะสมกับสัดส่วนของร่างกายด้วย ในช่วงเริ่มต้น ความถี่ และระยะเวลาการออกกําลังกายสําคัญมากกว่าความหนัก โดยควรออกกําลังกายอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ ระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที

สำหรับคนที่อ้วนมาก หรือไม่เคยออกกําลังกายมาก่อน สภาพร่างกายยังไม่พร้อม อาจแบ่งการออกกําลังกายเป็นช่วงสั้นๆ 3 ช่วง ช่วงละ 10 นาที การปรับโปรแกรมการออกกําลังกายให้ทําแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาก่อน เมื่อร่างกายเกิดความเคยชินจึงค่อยเพิ่มความหนัก

คนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมาก ขณะออกกำลังกายข้อต่อต้องรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จึงมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บทางระบบข้อต่อและกล้ามเนื้อได้ ในการออกกำลังกายควรเลือกในประเภทที่ไม่มีแรงกระแทกที่รุนแรง เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน การเต้นลีลาศ เป็นต้น

การออกกำลังกายในน้ำ เช่น เดินในน้ำ วิ่งในน้ำ หรือว่ายน้ำ ก็นับว่าเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับ “คนอ้วน” เพราะน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักตัวไว้ ลดแรงกระแทกที่ข้อต่อ จึงช่วยป้องกันการเกิดการบาดเจ็บได้

วิธีลดน้ำหนัก ลดความอ้วน แบบถูกวิธี ทั้งสุขภาพดีและไม่โทรม

เคล็ดลับลดน้ำหนักที่ 1 – ทำ Food Diary

2.Food Diary คือการจดบันทึกทุกอย่างที่ทานในแต่ละวัน

Food Diary คือ การจดบันทึกทุกอย่างที่ทานในแต่ละวัน ทั้งประเภทและปริมาณอาหารต้องจดตามจริงนะคะ พอครบสัปดาห์ก็จะเห็นเลยว่าอาหารส่วนมากที่ทานเป็นอาหารตามใจปากทั้งนั้น ทานเพราะอยากไม่ใช่เพราะหิว แคลอรี่สูง มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายน้อย แล้วอย่างนี้หลังจากการทำ Food Diary แล้ว เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าต้องกินเท่าไหร่หรือลดความอ้วน ลดน้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าพอดี?

“อยากให้ลองนึกภาพว่าร่างกายของเราเป็นตาชั่งดูค่ะ ข้างหนึ่ง คือ input ที่เรารับเข้าสู่ร่างกาย อีกข้างเป็น output ที่ออกจากร่างกาย สภาพที่ตาชั่งสมดุลก็คือทั้ง 2 ข้างมีน้ำหนักเท่ากัน ถ้าเราต้องการลดน้ำหนักก็คือควรจะลด input และเพิ่ม output เพื่อให้ร่างกายดึงstorageที่เก็บไว้ในรูปของไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานค่ะ การควบคุมปริมาณอาหารก็ช่วยลด input ได้ เน้นว่าลดนะคะไม่ใช่อดอาหาร”

เคล็ดลับลดน้ำหนักที่ 2 – ปรับพฤติกรรมการกิน

เข้าใจเลยว่าพุงแฝดสี่ของเรา คงมาจาก Input ที่หนาแน่นมากกว่า Output นี่ล่ะนะ แต่จะไม่กินก็ไม่ได้เพราะเวลาเครียดๆ ก็อยากจะหาอะไรมาเคี้ยวให้รู้สึกดี หรือบางทีเวลาทำงานหนัก ก็อยากจะวิ่งเข้าหากาแฟปั่นดับเบิ้ลวิปราดคาราเมลไรงี้ ทำไงดี

“ทุกคนทราบดีค่ะว่าทานอะไรแล้วอ้วนหรือไม่อ้วน เพียงแต่เรายังทานอยู่เหมือนเดิมเท่านั้นเอง ถ้าเป็นคนทานเก่ง ทานจุบจิบทั้งวัน ก็อาจจะเริ่มจากเปลี่ยนจากขนมขบเคี้ยวเป็นหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลหรือผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำก่อน แล้วค่อยๆ ลดปริมาณลง หรือถ้าชอบดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมก็อาจจะลองลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม หรือ เปลี่ยนเป็นชนิดที่ให้พลังงานน้อยลงก็ช่วยได้ค่ะ”

เคล็ดลับลดน้ำหนักที่ 3 – การออกกำลังกายลดความอ้วน

ฟังๆ ดู 2 ข้อแรกการลดน้ำหนักก็ไม่ยากนะ เริ่มมีกำลังใจมากขึ้นแล้ว แต่อย่าชะล่าใจไป ปกติออกกำลังกายมั้ยคะ? เราอยากแนะนำวิธีออกกำลังกายลดน้ำหนัก ลดความอ้วนและกระชับสัดส่วนของเรา ดังนี้ค่ะ

3.แนะนำวิธีออกกำลังกายลดน้ำหนัก ลดความอ้วนและกระชับสัดส่วนของเรา ดังนี้

  • Basal Metabolic Rate คือ อัตราการเผาผลาญของร่างกายในชีวิตประจำวัน หรือจำนวนแคลอรี่ขั้นต่ำที่ต้องการใช้ในชีวิตแต่ละวัน ดังนั้นการคำนวณ BMR จะช่วยให้ทราบปริมาณแคลอรี่ที่แต่ละคนต้องการต่อวันเพื่อการลดน้ำหนักได้
  • การออกกำลังกายลดน้ำหนัก คือ กิจกรรมที่ดึงพลังงานไขมันส่วนเกินออกมาใช้ ในสภาวะที่หัวใจมีอัตราการเต้น 130-150 ครั้งต่อนาที (ขึ้นอยู่กับเพศและวัย) เป็นเวลา 15-45 นาที วิธีออกกำลังกายที่แนะนำ กิจกรรมแนะนำ เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค ปั่นจักรยาน สามารถมีส่วนในการช่วยลดความอ้วนได้
  • การออกกำลังกายเพื่อความกระชับ คือ กิจกรรมที่อวัยวะส่วนนั้นๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวในท่าหนึ่งๆ หลายๆ ครั้ง หรือ เกร็งอวัยวะส่วนนั้นๆ เป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดอาการล้า และตึงของกล้ามเนื้อ เช่น วิธีออกกำลังกาย ที่เน้นการสร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างร่างกาย (Pilates) หรือเวทเทรนนิ่ง การออกกำลังกายที่ใช้แรงต้าน(Weight Training)
  • การออกกำลังกายลดน้ำหนักและเพิ่มความกระชับไปพร้อมกัน เช่น วิธีออกกำลังกาย ที่นำท่าของการชกมวยมาประยุกต์ใช้ (Boxing) โยคะร้อน (Hot Yoga) หรือ การฝึกการทรงตัวและการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว (Agility Workout)

อยากให้เลือก วิธีการออกกำลังกายลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ให้เหมาะกับร่างกาย อายุ และความต้องการด้วย นอกจากจะช่วยให้น้ำหนักลดลง เสริมสร้างความแข็งแรงของ หัวใจและปอดแล้ว ยังช่วยยกระดับระบบเผาผลาญในร่างกาย (Basal Metabolic Rate BMR)ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ค่อยๆ เริ่มทำช่วงที่ว่างก็ได้ พอทำได้แล้วก็ทำให้นานขึ้น ที่สำคัญคืออยากให้ทำเป็นประจำ 3-5 วันต่อสัปดาห์นะคะ

เคล็ดลับอีกอย่างก็ คือ เลือกวิธีการออกกำลังกายที่ชอบและสนุก จะได้ออกกำลังกายเป็นประจำได้โดยไม่เบื่อซะก่อน เพราะหากทำติดต่อกันจนเป็นนิสัย ควบคู่กับการควบคุมอาหาร ไม่ใช่แค่รูปร่างจะดีขึ้นเท่านั้น แต่สุขภาพภายในก็จะดีขึ้นอีกด้วย ลองวัดผลความพยายามของเราด้วยผลตรวจสุขภาพประจำปีดู แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเลยละค่ะ

เคล็ดลับลดน้ำหนักที่ 4 – ค่อยเป็นค่อยไป

ทีนี้มาถึงเรื่องสำคัญ เพราะเราก็อายุไม่ใช่น้อยๆ ถ้าลดความอ้วนแล้วผิวจะหย่อน หน้ากลมๆ แก้มยุ้ยๆ ของเราจะฟีบ หรือ ขาจะแตกลายงามั้ย

“ตามธรรมชาติถ้าน้ำหนักของร่างกายเราลดลง ผิวหนังของเราจะค่อยๆ หดตัวลง เพราะชั้นไขมันใต้ผิวหนังมีปริมาณน้อยลงค่ะ ถ้าน้ำหนักลดเร็วเกินไปจะเกิดภาวะนั้นอยู่แล้ว เพราะผิวของเราหดตามไม่ทัน ดังนั้นการเร่งออกกำลังกายลดน้ำหนักให้เร็วที่สุด อาจไม่ถูกวิธี แต่ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวันก็ช่วยให้รู้สึกสดชื่นไม่โทรม และเสริมด้วยการออกกำลังกาย เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังกระชับค่ะ”

เกี่ยวกับเรา

babcn logo

แหล่งรวมความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน มีข้อมูลที่ครอบคลุมทุกประเด็น ตามที่คุณต้องการ

@2023 – All Right Reserved. Designed and Developed by Babcn